วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556


Verb  to  be ( is ,  am ,  are)

    Verb  to  be  มีหลักการใช้  ดังนี้

1.      ถ้าเป็นกริยาสำคัญในประโยค  มีความหมายว่า  เป็น  อยู่  คือ

2.      ใช้วางข้างหน้า กลุ่มคำ   adjective  ( คำคุณศัพท์ )

3.      ใช้เป็นกริยาช่วยในโครงสร้างของประโยค Continuous ( ประโยคที่มี กริยา ing )

4.      ใช้เป็นกริยาช่วยในโครงสร้างของประโยค Passive  Voice

ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ )

หลักการใช้กับประธานในประโยค

            1.  ถ้าประธานที่เป็นเอกพจน์บุรุษที่  3  ซึ่งได้แก่  He  She  It  หรือ ชื่อคนคนเดียว

     สัตว์ตัวเดียว  และสิ่งของอันเดียวที่ถูกกล่าวถึง  Verb  to  be  ที่ใช้  คือ  is   เช่น

                        *He  is  a  teacher.                               *Sam  is  a  singer

                        *She  is  in  the  room.                         *My  father   is  sleeping.

                        *It  is  a  dog.                                       *The  pencil  is  on  the  table

           

 

 2.   ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่  1  (  ผู้พูดคนเดียว ) ซึ่งได้แก่  I  Verb  to  be 

ที่ใช้  คือ  am

                        *I  am  a  student.                          

                       *  I  am  under  the  table.

            3.  ประธานเป็นพหูพจน์ทุกบุรุษ  ซึ่งได้แก่  We  You  They   หรือ ชื่อคนหลาย 

   สัตว์หลายตัวและสิ่งของหลายอันที่ถูกกล่าวถึง  Verb to be  ที่ใช้  คือ  are  เช่น

                        *We  are  nurses.             

                       *My  father  and  I  are  in  the  room.

                        *They  are policemen.          

                       *Suda and  her  friends  are  under  the  tree.

                        *You  are  very  good.          

                        *The  players  are  in  the  playground.

การใช้ประโยคขอกเล่าและประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ


1.           ประโยคบอกเล่า (Affirmative)
เป็นประโยคที่ใช้พูดเพื่อบอกเรื่องราว เป็นการให้ข้อมูล หรือเล่าเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งประโยคคำสั่ง ประโยคขอร้องด้วย
รูปแบบประโยค จะประกอบไปด้วย สองส่วน คือ ภาคประธาน และ ภาคกริยา เรียงกันตามลำดับ เช่น

ประธาน (Subject)
กริยา (Verb)
Suda
smiles.

2.           สำหรับประโยคคำสั่ง จะละประธานไว้ในฐานะที่เข้าใจกัน เพราะ การสั่ง คือการพูดให้ผู้ฟังปฏิบัติตาม ดังนั้น ประธานจึงเป็นคำว่า YOU เช่น
  Give me a glass of water. (เอาน้ำมาให้แก้วนึง)

3.           สำหรับประโยคขอร้อง REQUEST เป็นคำพูดที่ควรใช้บ่อย ๆ เพราะเป็นคำพูดสุภาพที่ขอให้ผู้อื่นช่วย หรือทำอะไรบางอย่าง รูปประโยคก็จะเหมือนประโยคคำสั่ง เพียงแต่มีส่วนที่เป็นคำพูดเพราะ ๆ เพิ่มเข้ามา เช่น
  Give me a glass of water, please. (ขอน้ำแก้วนึงครับ)
หรืออาจจะเป็นประโยคคำถามที่เพราะ ๆ ก็ได้ เช่น
   Can you give me a glass of water, please? (ช่วยเอาน้ำให้ผมแก้วนึงนะครับ)

4.           รูปแบบประโยคบอกเล่า

o    ประโยค อาจจะประกอบด้วย ประธาน และ กริยาเพียงสองตัวก็ได้ เช่น
   Suda sleeps. (สุดานอน)

o    ประโยคอาจจะมีคำมาต่อท้ายจากริยาได้อีก เช่น

a.            กรรมตรง (Direct Object) หรือ กรรมรอง (Indirect Object) เช่น
  Suda likes Narumon. (Narumon = Director Object) สุดาชอบนฤมล
  Suda asked Narumon some questions. (Narumon = Indirect Object, some questions = Direct Object) สุดาถามนฤมล 2-3 คำถาม

b.           คำที่บอกลักษณะ หรือ คำคุณศัพท์ (adjective) หรือ คำนามที่ต่อจาก verb to be เช่น
  Suda looks tired. (สุดาดูท่าทางเหนื่อย)
  You are the boss. (คุณเป็นหัวหน้า)

c.            คำขยายกริยา (adverb) หรือ กลุ่มของคำขยายของกริยา (adverb เช่น
  Suda sings beautifully. (สุดาร้องเพลงเพราะมาก)
  He took a taxi to the station. (เขานั่งรถแท็กซี่ไปที่สถานี)

5.           ประโยคคำถาม (Interrogative)

ในภาษาอังกฤษ คำถามสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1.           คำถามที่ต้องการคำตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ เราเรียกว่าเป็น Yes/No question

2.           ส่วนอีกลักษณะ จะขึ้นต้นประโยคด้วย คำว่า Who, What, Where, When, Why และ How (ใคร อะไร ที่ไหน ทำไม และอย่างไร) ซึ่งเรียกว่าเป็น WH-Question

1.           Yes/No Question
ประโยคคำถามประเภทนี้ ถ้าเปรียบเทียบกับภาษาไทย ก็คือคำถามที่ถามว่า ใช่หรือไม่ ใช่ไหม เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ฯลฯ การถามคำถามประเภท Yes/No Question นี้ มักจะลงท้ายประโยคด้วยเสียงสูง ตัวอย่างคำถามประเภทนี้ เช่น ถามว่า เมื่อวานไปได้ไปถอนเงินให้ผมหรือเปล่า เป็นต้น คำถามประเภทนี้ ในภาษาอังกฤษ จะมีรูปแบบการถามหลายอย่าง คือ

1.           ขึ้นต้นคำถามด้วย Verb to be เช่น ถามว่า
ผู้หญิงคนนี้สวยไหม? เราถามว่า
  Is this woman beautiful?
ถ้าถามว่า รถคันใหม่ของคุณสีแดงใช่ไหม? เราถามว่า
  Is your new car red?
ถ้าถามว่า บ้านคุณอยู่ไกลหรือเปล่า (ถามคำถามนี้ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่) เราถามว่า
  Is your house far from here?
ถ้าภามว่า เด็ก ๆ พวกนั้น เป็นลูกคุณหรือเปล่า เราถามว่า
  Are they your children?
จะเห็นว่า ประโยคภาษาอังกฤษเหล่านี้ ถ้าพูดเป็นประโยคบอกเล่า Verb to be จะอยู่หลังประธาน เช่น

ประโยคบอกเล่า
ประโยคคำถาม
   This woman is beautiful.
   Is  this woman beautiful?
   Your new car is red.
   Is  your new car red?
   Your house is far from here.
   Is  your house far from here?
   They are your children.
   Are  they your children?

2.           ขึ้นต้นคำถามด้วย Verb to do เช่น ถามว่า
คุณต้องการให้ผมช่วยเหลือไหม เราถามว่า
  Do you need my help?
หรือ ถามว่า เธอเป็นคนตื่นนอนเช้าใช่ไหม? เราถามว่า
  Does she get up early?
จะเห็นว่า ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Do หรือ Does มาจากประโยคบอกเล่าธรรมดา ที่ไม่มีกริยาช่วยตัวอื่นอยุ่ด้วย ดังนี้

ประโยคบอกเล่า
ประโยคคำถาม
   You need my help.
   Do  you need my help?
   She gets up early.
   Does  she get up early?

3.           ข้อสังเกต
เราใช้ Do กับประธานพหูพจน์ และใช้กับ I, You, We, They
ส่วน Does เราใช้กับประธานเอกพจน์ และใช้กับ He, She และ It.
เมื่อมี does มาอยู่หน้าประโยค คำกริยาจะไม่เติม s

4.           ขึ้นต้นคำถามด้วยกริยาช่วยตัวอื่น ๆ
ในกรณีที่ประโยคมีกริยาช่วย เช่น can, may, will, could เป็นต้น เราจะเอากริยาช่วย เหล่านี้ มาวางไว้หน้าประโยค เช่น ถ้าต้องการพูดว่า
กรุณาพูดช้าสักหน่อยได้ไหมครับ
  Can you speak slowly, please?
จะกลับมาที่นี่อีกหรือไม่ครับ
  Will you come back?
คุณจะลองใส่ไหมครับ
  Would you like to try it on?
ข้อสังเกต
เรานำคำกริยาช่วย วางไว้หน้าประธาน จากนั้นจึงเรียงประโยคไปตามปกติ

2.           WH Question
เป็นการถามรายละเอียด ว่า ใคร(who) ทำอะไร(what) ที่ไหน(where) เมื่อไร(when) ทำไม(why) และอย่างไร(how) โดยมีการเรียงรูปประโยค ดังนี้

คำถาม
กริยาช่วย/Verb to be
ประธาน
(กริยา)+ส่วนอื่น ๆ

3.           ถ้ากริยาในประโยคเป็น Verb to be หรือมีกริยาช่วยตัวอื่น ๆ เราเพียงแต่สลับ Verb to be หรือ กริยาช่วยมาไว้หน้าประธาน ส่วนอื่น ๆ ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่ถ้าประโยคเดิม ไม่มี verb to be หรือ กริยาช่วยตัวอื่น ๆ เราต้องใช้ do หรือ does มาวางไว้หน้าประธาน
ตัวอย่างประโยค
ถ้าต้องการถามว่า.....

คุณมาจากที่ไหน?
           Where are you from?

o    รถบัสของคุณจอดที่ไหน
  Where is your bus?

o    คุณจะอยู่ที่นี่นานเท่าไร
  How long will you stay here?

o    เมื่อวานนี้คุณอยู่ที่ไหน
  Where were you yesterday?

o    คุณต้องการชมอะไร
  What would you like to see, sir?

o    คุณจะกลับมาอีกเมื่อไร
  When will you be back?

  ประโยคปฎิเสธ (Negative)
ประโยคปฏิเสธในภาษาไทยมีคำว่า "ไม่" แต่ในภาษาอังกฤษ จะมีคำว่า "not" อยู่ในประโยค ตำแหน่งในประโยค จะเป็นดังนี้

ประธาน
กริยาช่วย/Verb to be
not
(กริยา)+ส่วนอื่น ๆ

ถ้าประโยคเดิม มี Verb to be หรือ กริยาช่วยตัวอื่น เช่น can, will ฯลฯ อยู่แล้ว คำว่า not จะอยู่หลัง verb to be หรือกริยาช่วยเหล่านั้น แต่ถ้าไม่มี verb to be หรือ กริยาช่วยตัวอื่นใด จะต้องนำ do หรือ does มาช่วยทำให้เป็นประโยคปฏิเสธ
ตัวอย่าง
ถ้าจะพูดว่า..... 

  • ราคาไม่แพง
      It is not expensive.
  • เราไม่มีสินค้าสีน้ำเงิน
      We don't have the blue one.
  • ผมไม่ชอบมาสาย
      I don't like being late.
  • ราคาจะไม่ลงอีก
      The price won't come down.

ข้อสังเกต
ในภาษาพูด จะพูดแบบย่อคำ เช่น will not จะพูดว่า won't และ do not จะพูดย่อว่า don't

The following is the entire list of 100 words:

abjure             v.  บอกเลิกอย่างเป็นทางการ
abrogate         v. ยกเลิก เพิกถอน
abstemious    adj. ตามอัตภาพ พอประมาณ
acumen           n. ความมีไหวพริบ ความฉลาด
antebellum      n. = belonging to a period before a war, especially the
                         American Civil War.
auspicious      adj. ฤกษ์ดี เป็นมงคล
belie                 v. ทำให้เชื่อหรือเข้าใจผิด
bellicose          adj. พร้อมที่จะต่อสู้ หรือทะเลาะวิวาท
bowdlerize       v. ชำระ หรือตัดส่วนที่ไม่สมควรออก
chicanery         n. การใช้กลลวง
chromosome     n. โครโมโซม
churlish              adj. หยาบคาย
circumlocution   n. การอ้อมไปมา การไม่พูดตรงๆ
circumnavigate  v. ล่องเรือ หรือบินไปรอบๆ
deciduous          adj. ซึ่งผลัดใบ ร่วงโรย
deleterious         adj. เป็นอันตราย (คำทางการ)
diffident               adj. ประหม่า ขี้อาย
enervate              v. ทำให้ร่างกายอ่อนแอ
enfranchise         v. ให้มีสิทธิเลือกตั้ง
epiphany             v. เป็นวันฉลองเทศกาลที่โหราจารย์ 3 คนจากทิศตะวันออก
                            ได้นำของขวัญมาถวายแก่กุมารเยซู โดยทั่วไปแล้วตรงกับวันที่ 6 มกราคม
equinox               n. ช่วงที่เวลาในตอนกลางวันและกลางคืนเท่ากัน
                            ซึ่งมักจะเกิดในช่วงวันที่ 21มีนาคม และ 23 กันยายน
euro                     n. ยูโร (เงินตรา)
evanescent         adj. หายไปอย่างรวดเร็ว
expurgate            v. ตัดส่วนที่ไม่เหมาะสมออกก่อนพิมพ์
facetious             adj. ทำเป็นเล่นโดยไม่ดูกาลเทศะ
fatuous                adj. ทึ่ม โง่ ไม่จริง ลวงตา
feckless              adj. ซึ่งไร้ประสิทธิภาพ ใช้การไม่ได้
fiduciary              n. ผู้ได้รับมอบอำนาจ หรือทรัพย์สิน
filibuster              n. การหยุดยั้งการผ่านญัตติ หรือมติในสภา
gamete               n. เซลล์สืบพันธุ์

gauche                adj. เงอะงะ เปิ่นๆ เชยๆ
gerrymander       v. ใช้กลโกงในการเอาชนะเลือกตั้ง
hegemony           n. ความมีอำนาจ (คำทางการ)
hemoglobin         n. ฮีโมโกลบิน (สารสีแดงของเม็ดเลือดแดง)
homogeneous     n. ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนกัน หรือลักษณะเหมือนกัน
hubris                   n. อหังการ (พฤติกรรมแสดงความมั่นใจมากเกินไป หรือพฤติกรรมที่อวดดี)
hypotenuse          n. ด้านของสามเหลี่ยมมุมฉาก ที่อยู่ตรงกันข้ามกับมุมฉาก
impeach               v. ฟ้องร้อง (ทางกฎหมาย) กล่าวโทษเนื่องจากประพฤติตนไม่เหมาะสม
incognito              adj. adv. ซึ่งไม่เปิดเผยนาม
incontrovertible    adj. ที่โต้แย้งไม่ได้

inculcate               v. พรํ่าสอน ตอกยํ้า
infrastructure        n. โครงสร้างพื้นฐาน
interpolate            v. พูดแทรก หรือพูดสอดขึ้นมา
irony                      n. ถ้อยคำแดกดัน เย้ยหยัน ถากถาง
jejune                    adj. ไร้มารยา ไร้เดียงสา
kinetic                   adj. เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว
kowtow                 n. การคำนับ โดยการคุกเข่าลงเอาหน้าผากแตะพื้น
laissez faire         n. นโยบายการไม่แทรกแซง
lexicon                  n. พจนานุกรม ศัพท์เฉพาะสาขา
loquacious           n. พูดมาก (คำทางการ)
lugubrious             adj. โศกเสร้า สลดใจ
metamorphosis    n. การเปลี่ยนแปลงรูปร่าง หรือลักษณะ, การเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์
mitosis                  n. กระบวนการแบ่งเซลล์
moiety                   n. ครึ่งหนึ่ง ส่วนที่ไม่แน่นอน
nanotechnology    n. นาโนเทคโนโลยี
nihilism                  n. การก่อการร้าย
nomenclature        n. ระบบการตั้งชื่อ
nonsectarian         n. = not restricted to one sect or school or party; "religious
                                training in a nonsectarian atmosphere"; "nonsectarian
                                colleges"; "a wide and unsectarian interest in religion"
notarize                  v. รับรอง จดทะเบียน
obsequious           adj. ช่างประจบ สอพลอ

oligarchy                n. คณาธิปไตย การปกครองโดยกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง
omnipotent            adj. ซึ่งมีอำนาจไม่สิ้นสุด
orthography           n. ความสัมพันธ์ระหว่างเสียง และตัวอักษร
oxidize                   v. รวมตัวกับอ็อกซิเจน
parabola                n. เส้นโค้งวงกลม (ทางเรขาคณิต)
paradigm               n. ตัวอย่าง แบบอย่าง แบบจำลอง
parameter              n. ตัวแปร
pecuniary                adj. เกี่ยวกับเงิน
photosynthesis       n. การสังเคราะห์แสง
plagiarize                v. ขโมยความคิด คัดลอกผลงาน

plasma                    n. ส่วนที่เป็นนํ้าสีเหลืองในเลือด, หางนม, หินควอตซ์สีเขียว
polymer                   n. สารโพลิเมอร์
precipitous              adj. ลาดชัน
quasar                     n. กลุ่มวัตถุ ซึ่งส่องแสงคล้ายดวงดาว
quotidian                 n. อาการมีไข้ทุกวัน  adj. รายวัน เป็นประจำ ปกติ
recapitulate             v. สรุปความ สรุปรวบยอด
reciprocal                n. จำนวนเลขที่กลับกัน (ทางคณิตศาสตร์)
reparation                n. การซ่อมแซม การชดเชย
respiration               n. การหายใจ (การหายใจเข้า-ออก)
sanguine                  adj. ร่าเริง

soliloquy                   n. การพูดกับตัวเอง
subjugate                 v. ปราบปราม
suffragist                  n. ผู้เรียกร้องสิทธิเลือกตั้ง
supercilious             adj. ดูหมิ่น ดูถูก เหยียดหยาม
tautology                  n. การใช้คำซํ้า โดยไม่จำเป็น
taxonomy                 n. เทคนิคเกี่ยวกับการแบ่งประเภท การจัดแบ่งสิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มต่างๆ
tectonic                    adj. เกี่ยวกับการก่อสร้าง
tempestuous           adj. ซึ่งมีพายุแรง
thermodynamics     n. ความสัมพันธ์ระหว่างความร้อน กับพลังงานกล (วิทยาศาสตร์)
totalitarian                n. เกี่ยวกับระบบการปกครองแบบเผด็จการ

unctuous                   adj. ที่ประจบสอพลอ
usurp                         v. ช่วงชิง แย่งชิง
vacuous                    adj. ซึ่งว่างเปล่า ไร้สาระ
vehement                 adj. เร้าร้อน รุนแรง
vortex                        n. กระแสลม หรือกระแสนํ้าที่หมุนวน  
winnow                      v. พัดหรือเป่าเอาแกลบข้าวออก
wrought                     adj. ซึ่งสร้างอย่างประณีต และตั้งใจ
xenophobe               n. ผู้หวาดกลัวชาวต่างชาติ
yeoman                     adj. กล้าหาญ ซื่อสัตย์
ziggurat                     n. = เป็นสิ่งก่อสร้างของอารยธรรมสุเมเรียน (Sumerians) ในบริเวณ
                                   เมโสโปเตเมีย มีลักษณะคล้ายพีระมิดแบบขั้นบันได
                                   แต่ไม่ก่อสร้างสูงจนเป็นยอดแหลม